“ซานาเอะ ทาคาอิจิ” นายกฯหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
การเมืองญี่ปุ่นได้จารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา เมื่อ ซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) ได้รับการโหวตจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 104 ของประเทศอย่างเป็นทางการ การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดนี้ไม่เพียงแต่ทลาย “เพดานแก้ว” ทางการเมืองของญี่ปุ่นในที่สุด แต่ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิทัศน์ที่เคยถูกครอบงำโดยนักการเมืองชายมาอย่างยาวนาน
ทาคาอิจิ ซึ่งเป็นนักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมสุดโต่งและเป็นผู้ได้รับการอุปถัมภ์จากอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับอย่าง ชินโซ อาเบะ เผชิญกับความท้าทายมากมายในการบริหารประเทศ ทั้งปัญหาเงินเฟ้อหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล และวิกฤตความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันการเมือง ด้วยภาพลักษณ์ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ แห่งญี่ปุ่น” จะนำพาแดนอาทิตย์อุทัยก้าวข้ามความท้าทายและสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์โดยมีแนวคิดหลัก ดังนี้
- “Sakaenomics” (ทาคาอิจินอมิกส์): เป็นแนวคิดทางเศรษฐกิจที่สืบทอดเจตนารมณ์ของ “อาเบะโนมิกส์” เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายทางการคลังอย่างจริงจัง (proactive fiscal policy) เพื่อกระตุ้นอุปสงค์และการลงทุน
- การจัดการวิกฤต: เน้นการลงทุนภาครัฐและเอกชนในด้านการจัดการความเสี่ยง (crisis management investment) ในอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อความมั่นคงของชาติ เช่น พลังงาน เซมิคอนดักเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐาน
- ความมั่นคงของชาติ: ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านกลาโหมและการกระชับพันธมิตรกับสหรัฐฯ อย่างชัดเจน
- คุณค่าแบบอนุรักษ์นิยม: มีจุดยืนที่ชัดเจนในประเด็นทางสังคม เช่น การคัดค้านกฎหมายอนุญาตให้คู่สมรสใช้นามสกุลแยกกัน และมีแนวคิดที่ระมัดระวังเรื่องคนเข้าเมือง
นอกจากแนวคิดข้างต้นนี้แล้ว มาดูกันว่าภารกิจใดบ้างที่เธอต้องก้าวผ่านเพื่อนำญี่ปุ่นให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง
- ต่อสู้กับเงินเฟ้อและค่าครองชีพ: ภารกิจเร่งด่วนที่สุดคือการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (มูลค่ากว่า 13.9 ล้านล้านเยน) เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนที่สูงขึ้น
- ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชน: เธอต้องกอบกู้ความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อพรรครัฐบาล (LDP) หลังจากเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจและเรื่องอื้อฉาวทางการเมือง
- เร่งการเพิ่มงบประมาณกลาโหม: มีแผนเร่งรัดการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมให้ถึง 2% ของ GDP ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2025 (จากกำหนดการเดิมปี 2027) พร้อมทั้งทบทวนยุทธศาสตร์ความมั่นคงหลักของประเทศ
- สร้างความสัมพันธ์กับผู้นำสหรัฐฯ: จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวและรักษาพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ (โดนัลด์ ทรัมป์) เพื่อรับมือกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค
- การจัดการสังคมสูงวัยและแรงงาน: แม้จะมีแนวคิดระมัดระวังเรื่องคนเข้าเมือง แต่ญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนักจากสังคมสูงวัย ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวที่ต้องหาทางแก้ไขอย่างสมดุล
ภารกิจเหล่านี้คือความตั้งใจที่จะนำพาประเทศก้าวข้ามความท้าทาย ผ่านนโยบายสายอนุรักษ์นิยมที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งขัน และการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม แนวทางของเธอ โดยเฉพาะจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีนและประเด็นทางสังคมภายในประเทศ อาจก่อให้เกิดความท้าทายทั้งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการบริหารแนวร่วมรัฐบาลในอนาคต
สำหรับใครที่สนใจแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศในย่านห้วยขวาง สามารถมาแลกเงินต่างประเทศง่าย ๆ กับ ACU Currency Exchange เดินทางมาแลกง่าย ๆ เพียงลง MRT ห้วยขวาง ทางออก 4 แล้วเดินตรงมา 500 เมตร จะเจอกับ สำนักงานใหญ่ ACU Building เลย
สามารถเช็กอัตราแลกเปลี่ยน ตามวัน-เวลาทำการ ได้ที่ https://acu-exchange.com/
หรือสั่งจองเงินล่วงหน้า ได้ที่ Line OA : https://lin.ee/ph4iznU
เปิดให้บริการ: ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 – 17.00 น.
ที่อยู่: 205/18 – 19 ถนนรัชดาภิเษก แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
เบอร์โทร: 02-0021008, 061-0283918, 084-3244893
ข้อมูลอ้างอิง
- แท็กยอดนิยม | การเมืองญี่ปุ่น, นายกหญิงญี่ปุ่น
ผู้เขียน
ACU-Exchange
เรามีความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การแลกเปลี่ยนเงินตราที่ดีที่สุด และสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการสูงสุด เพื่อตอบโจทย์คนไทยที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ และคนต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ศึกษาต่อ หรือทำงานในประเทศไทย
